1. โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง : คือเนื้องอกของระบบน้ำเหลืองในร่างกาย ระบบน้ำเหลืองจัดเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกัน ประกอบด้วย อวัยวะน้ำเหลือง ได้แก่ ม้าม และไขกระดูก ที่ภายในจะเต็มไปด้วยน้ำเหลือง ซึ่งมีหน้าที่นำสารอาหารและเซลล์เม็ดเลือดขาวไปทั่วร่างกาย ความผิดปกติของเม็ดเลือดขาวเหล่านี้ ทำให้เกิดเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองขึ้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
ชนิดฮอดจ์กิน (Hodgkin Lymphoma) และชนิดนอนฮอดจ์กิน (Non-Hodgkin Lymphoma)
4. โรคโลหิตจางชนิดไขกระดูกฝ่อ : เป็นโรคที่ไขกระดูกไม่สามารถสร้างเซลล์เม็ดเลือดได้เพียงพอ ทำให้ผู้ป่วยมีโลหิตจาง จำนวนเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือดต่ำลงเรื่อยๆ โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการแบบค่อยเป็นค่อยไป คือมีอาการซีด อ่อนเพลีย ร่างกายอ่อนแอ ป่วยง่าย มีจุดแดงช้ำตามตัว เป็นรอยช้ำเลือดเป็นจ้ำๆ เลือดออกง่าย ในผู้หญิงอาจมีประจำเดือนมามากผิดปกติ บางรายอาจอาเจียนเป็น เลือด ปัสสาวะเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด หากโลหิตจางมากๆ อาจส่งผลให้การทำงานของหัวใจล้มเหลว โดยสาเหตุเกิดจาก 2กลุ่ม คือ เกิดจากโรคทางพันธุกรรม และปัจจัยที่เกิดขึ้นในภายหลัง เช่น การได้รับสารเคมีต่างๆ การกินยาบางชนิด การได้รับรังสีขนาดสูง การติดเชื้อต่างๆ เป็นต้น
5. โรคมะเร็งมะเลือดขาวชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง : เป็นโรคมะเร็งที่เกิดขึ้นในไขกระดูก เกิดจากมีเซลล์เม็ดเลือดขาวเติบโตมากผิดปกติ เป็นจำนวนมากและควบคุมไม่ได้ เกิดการสะสมของเม็ดเลือดขาวจนเต็มไขกระดูก แล้วปล่อยเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้มีปริมาณเม็ดเลือดขาว ในกระแสเลือดขาวสูงขึ้นผิดปกติ ซึ่งแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ
– มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน : โรคที่มีการเพิ่มจำนวนของเม็ดเลือดขาวตัวอ่อนที่ไม่สามารถเจริญเป็นเม็ดเลือดขาวตัวแก่ ปกติได้ ส่งผลให้การสร้างเม็ดเลือดทุกชนิดลดลง ผู้ป่วยจึงมีความผิดปกติในระยะอันสั้น คือ อ่อนเพลีย ซีดลงจากภาวะโลหิตจาง มีไข้จากการติดเชื้อง่าย เนื่องจากเม็ดเลือดขาวตัวแก่ลดลง เลือดออกง่าย เนื่องจากเกล็ดเลือดต่ำ
– มะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรัง : โรคที่มีการเพิ่มจำนวนของเม็ดเลือดขาวผิดปกติ แต่ยังสามารถเจริญเป็นเม็ดเลือดขาวตัวแก่ได้ ผู้ป่วยจึงมีอาการของโรคค่อยเป็นค่อยไป จะไม่มีอาการจนกระทั่งเม็ดเลือดขาวในกระแสเลือดสูงขึ้นมาก จนทำให้อ่อนเพลีย หรือโลหิตจางหรือสะสมในม้ามทำให้ม้ามโต