ขณะเดินเก็บภาพบรรยากาศภายในศูนย์บริการโลหิตฯ อยู่นั้น สายตาพลันเห็นหนุ่มตัวสูงยาว หน้าตาคมเข้ม ควงคู่มากับสาวสวย หน้าหมวย ว้าว…..นั่นคือ คู่รักศิลปินอินดี้ โย่ง (อาร์มแชร์) และก้อย (แซทเทอร์เดย์ เซย์โกะ) ฉบับนี้จึงขอนำบทสัมภาษณ์แรงบันดาลใจที่ทำให้ควงคู่กันมาบริจาคโลหิตในวันหวานๆ และขอเก็บภาพน่ารักๆ มาฝากผู้อ่านกันค่ะ
ขอส่งถ่ายความรักให้กับผู้ป่วย ด้วยการให้โลหิต
โย่ง: เราก็บริจาคโลหิตกันอยู่แล้วครับ แต่มาที่ศูนย์บริการโลหิตฯ เป็นครั้งที่ 2 เท่านั้น จริงๆ แล้ว มันไม่จำเป็นต้องบริจาคโลหิตวันวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรักก็ได้ แต่ถ้าเราอยากจะเริ่มต้นทำความดีสักอย่าง เราก็น่าจะหาโอกาสพิเศษ หรือวันสำคัญๆ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับตัวเอง คนที่ยังไม่เคยบริจาคโลหิต อาจจะคิดว่ามันน่ากลัว มันเจ็บ ผมขอให้คิดว่าความเจ็บเพียงเท่านี้ มันเทียบไม่ได้กับคนที่เขาบาดเจ็บ เสียโลหิต และต้องการโลหิตจากผู้บริจาคอย่างเรา ส่วนตัวคิดว่าโลหิตที่ได้รับจากการบริจาคทุกวันนี้ยังมีปริมาณน้อยอยู่ เพราะไม่เพียงแต่ผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุเท่านั้น ยังมีผู้ป่วยที่เสียโลหิตจากการผ่าตัด และผู้ป่วยโรคเลือด นอกจากการบริจาคโลหิตจะได้บุญแล้ว ยังเป็นการถ่ายเทโลหิตในอีกรูปแบบหนึ่ง ทำให้ไขกระดูกได้ผลิตเม็ดโลหิตใหม่ๆ ขึ้นมา
ก้อย: โดยส่วนตัวก้อยคิดว่า เราเป็นคู่ที่มีความรักให้กันอยู่แล้ว เราจึงหาโอกาสในวันดีๆ ที่จะมอบความรักให้กับผู้อื่นด้วย เพราะคิดว่ายังมีอีกหลายๆ คนที่ต้องการโลหิต เวลาที่เกิดวิกฤติหลายๆ ครั้ง การขาดแคลนโลหิตยังเป็นอะไรที่เราได้ยินอยู่บ่อยๆ ถ้าเรา 2 คน สามารถทำประโยชน์อะไรให้กับผู้อื่นได้ เราก็อยากจะทำ
ล็อควัน ล็อคเวลา และเตรียมร่างกายให้พร้อม
โย่ง: จริงๆ ช่วงนี้เรามีออกคอนเสิร์ตตลอดเหมือนกัน แต่เราก็สามารถเตรียมความพร้อมได้ ด้วยการล็อควัน ล็อคเวลาไว้ แล้วนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารมาก่อน ไม่ดื่มเหล้า และไม่สูบบุหรี่จัด เป็นเรื่องง่ายๆ ที่เราสามารถทำได้
ความรู้สึกจากใจ ขณะได้ให้โลหิต และลงทะเบียน Stem Cell
ก้อย: รู้สึกดีมากๆ ถ้าโลหิตเราจะไปสู่อณูที่สามารถช่วยให้ผู้ป่วยมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เราอาจไม่รู้ว่าปลายทางโลหิตของเรานั้นไปอยู่ที่ใด แต่ระหว่างที่โลหิตของเราออกจากร่างกายไปนั้น มันเกิดความสุขขึ้นในใจ
โย่ง: สำหรับการลงทะเบียน Stem Cell นั้น ผมคิดว่ามันเป็นประโยชน์กับผู้ป่วยมากๆ โดยเฉพาะโรคโลหิตจาง และโรคมะเร็งเม็ดโลหิตขาวก็มักเกิดขึ้นกับเด็กๆ ทั้งนั้น พวกเขาควรได้มีโอกาสเจริญเติบโต และได้ใช้ชีวิตที่เป็นปกติสุขเหมือนกับคนทั่วๆ ไป เพราะฉะนั้น ความเจ็บเพียงเล็กๆ น้อยๆ มันแลกกับการที่เราได้ให้ชีวิตอีก 1 ชีวิตได้อยู่ต่อไป ถือว่าคุ้มค่าที่สุดครับ